บัตรเครดิต vs บัตรเดบิต vs travel card ใช้ใบไหน?
เมื่อต้องไปเที่ยวต่างประเทศ
บัตรเครดิต (Credit Card)
คือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ที่ธนาคารพาณิชย์และผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่ไม่ใช่สถาบันการเงินต่าง ๆ ออกให้ เพื่อใช้จ่ายแทนเงินสด และต้องชำระคืนภายในเวลาที่กำหนด
ข้อดี :
คุณสามารถใช้จ่ายอะไรก็ได้ กับร้านค้าหรือบริการใด ๆ ก็ได้ที่รองรับ ตามวงเงินในบัตรของคุณ โดยไม่ต้องจ่ายเงินทันที รอใบแจ้งหนี้มาแล้วค่อยจ่าย จึงช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินได้เป็นอย่างดี และถ้าเราจ่ายได้ตรงเวลา ครบตามจำนวนเงินที่ได้รูดไป ก็ไม่เสียค่าดอกเบี้ยอีกด้วย
มีคะแนนสะสมแต้มผ่านการใช้งาน หรือเครดิตเงินคืนเมื่อใช้จ่าย เช่น บัตรเครดิตโลตัส มอบเครดิตเงินคืนจากยอดใช้จ่ายที่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะกิน เที่ยว ช้อป ก็รับเครดิตเงินคืน 0.5%* และยอดใช้จ่าย
บัตรเครดิต มักมีโปรโมชันพิเศษ เช่น บัตรเครดิตโลตัส มีสิทธิพิเศษ และโปรโมชันสำหรับการเที่ยวต่างประเทศมากมาย
บัตรบางใบมีสิทธิพิเศษเพื่อเจ้าของหลายอย่าง เช่น ฟรีประกันการเดินทาง การใช้บริการเลาจ์ของสนามบินฟรี เป็นต้น
มีความปลอดภัยในการใช้จ่าย โดยเฉพาะกับสินค้าที่มีราคาแพง เพราะคุณไม่ต้องถือเงินสดเป็นจำนวนมาก
หากต้องการยกเลิกการทำรายการชำระค่าสินค้าหรือบริการ ก็สามารถทำได้ เพียงติดต่อสถาบันการเงินที่ออกบัตรให้ โดยปกติจะได้รับเงินคืนเข้าบัตรเครดิตค่อนข้างรวดเร็วภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งบัตรเครดิตแต่ละใบมีเงื่อนไข และระยะเวลาคืนเงินไม่เหมือนกัน ควรศึกษาข้อมูลก่อนทุกครั้ง
ข้อจำกัด :
ก่อนใช้จ่ายที่ร้านค้า ต้องดูให้ดี เพราะบางร้านอาจไม่รับบัตรเครดิตในมือของคุณ สังเกตจากประเภทบัตร VISA, MasterCard
มีการคิดค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินตราต่างประเทศ เป็นเงินบาทในอัตราไม่เกินร้อยละ 2.5 จากยอดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น และเรทการเปลี่ยนแปลงค่าเงินก็จะเป็นเรทที่มักจะสูงกว่าเรทการแลกเงินสดตามร้านแลกเงิน
เสียค่าธรรมเนียมในการกดเงินสดในต่างประเทศ
บัตรเดบิต (Debit Card)
คือบัตรที่ผูกไว้กับบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตร เพื่อใช้ทำรายการถอน ฝาก โอนเงินผ่านทางตู้ ATM รวมถึงชำระค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ
ข้อดี :
การใช้บัตรเดบิต จะสามารถช่วยให้คุณเบิกถอนเงินสด ออกมาใช้ได้อย่างสะดวก ผ่านทางตู้ ATM ของต่างประเทศนั้น ๆ
สามารถใช้รูดซื้อสินค้าหรือบริการได้เหมือนบัตรเครดิต โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม แต่จะเป็นการหักเงินคงเหลือจากบัญชีเงินฝากของคุณทันที
ช่วยควบคุมค่าใช้จ่าย และใช้เที่ยวต่างประเทศได้ด้วยเงินที่ตัวเองมีจริงๆ
ข้อจำกัด :
เงินจะถูกตัดออกจากบัญชีของคุณทันที ดังนั้นคุณจำเป็นต้องมีเงินคงเหลืออยู่ในบัญชีมากพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด
หากมีข้อผิดพลาด แล้วต้องการจะยกเลิกการชำระเงินจะทำได้ยาก อาจจะต้องเสียเวลาเป็นเดือน ๆ กว่าจะได้ยอดเงินที่ตัดไปแล้วกลับมา
การทยอยกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มในต่างประเทศ ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการกดเงินแต่ละครั้งสูง และค่าเงินก็จะถูกแปลงตามเรทของธนาคารซึ่งมักจะสูงกว่าเรทแลกเงินสดทั่วไป
หากใช้รูดซื้อสินค้า ต้องเสียค่าความเสี่ยงการเปลี่ยนแปลงสกุลเงิน ร้อยละ 1 – 2.5 จากยอดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
Travel Card
คือบัตรเดบิตที่สามารถใช้แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ รูดจ่ายค่าสินค้า/บริการ หรือกดเงินจากตู้ ATM ก็สามารถทำได้เช่นกัน
ข้อดี :
คุณเติมเงินเข้าบัตรไปเท่าไร ก็จะใช้เที่ยวต่างประเทศได้เท่านั้น ควบคุมค่าใช้จ่ายและไม่ปะปนกับเงินฝากในบัญชีของคุณ
สามารถจัดการแลกเปลี่ยนเงินในบัตรเป็นสกุลเงินใด ๆ ก็ได้ที่รองรับ ได้ด้วยตัวเอง ผ่านแอปพลิเคชันหรือระบบออนไลน์
ไม่ต้องเสียค่าความเสี่ยงการเปลี่ยนแปลงสกุลเงิน
แลกเงินเก็บไว้ล่วงหน้าได้ในช่วงที่อัตราแลกเปลี่ยนดี และเมื่อนำไปใช้จ่ายในวันไหนๆ ก็จะคิดตาม
ข้อจำกัด :
หากรูดซื้อสินค้าผิดพลาด เงินในบัตรก็จะถูกหักไปเลยเช่นกัน
มีค่าธรรมเนียมในการออกบัตร แต่ส่วนใหญ่หลายธนาคารจะออกโปรโมชั่นฟรีค่าธรรมเนียมออกบัตรและค่าธรรมเนียมรายปี
ไม่รองรับทุกสกุลเงิน โดยปกติ Travel Card จะรองรับสกุลเงินหลักๆ เช่น ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ยูโร (EUR) เยนญี่ปุ่น (JPY) และเรทประเทศท่องเที่ยวยอดนิยมอื่น ๆ