ประกันชั้น 1 2 3 ต่างกันอย่างไร?
เปรียบเทียบประกันรถยนต์เลือกแบบไหนดี
ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการประมาทในการใช้ชีวิตจนเกินไป การทำประกันภัยรถยนต์ถือเป็นทางเลือกที่จำเป็น ที่จะช่วยปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน และยังลดความเสี่ยงทางการเงินในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
และเมื่อพูดถึงประกันภัยรถยนต์ก็มีให้เลือกหลากหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีระดับความคุ้มครองและราคาที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจความแตกต่างและการเปรียบเทียบประกันรถยนต์แต่ละชั้น และรู้ว่าประกันชั้น 1 2 3 ต่างกันอย่างไรจึงเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกประกันที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของแต่ละบุคคล การเปรียบเทียบว่าประกันรถยนต์มีกี่ประเภทไม่ใช่เพียงแค่การดูราคาเบี้ยประกัน แต่ต้องพิจารณาถึงขอบเขตความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นต่างๆ ด้วย บทความนี้เราจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจถึงรายละเอียดว่าประกันภัยรถยนต์มีกี่ประเภท เพื่อที่เวลาที่จะต้องเปรียบเทียบซื้อประกันรถยนต์จะได้พิจารณาเลือกแบบประกันที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 และชั้น 1 พิเศษ
หากจะเปรียบเทียบประกันรถยนต์ ประกันรถยนต์ชั้น 1 และชั้น 1 พิเศษ เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองสูงสุดและครอบคลุมที่สุดในบรรดาประกันรถยนต์ทุกประเภท เหมาะสำหรับรถยนต์ใหม่หรือรถยนต์ที่มีมูลค่าสูง เนื่องจากให้ความคุ้มครองแบบเต็มรูปแบบไม่ว่าจะเป็นความเสียหายต่อตัวรถ ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก การบาดเจ็บของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวมถึงการสูญหายและไฟไหม้
ประกันภัยรถยนต์ประเภทนี้จะคุ้มครองในทุกกรณี ไม่ว่าอุบัติเหตุจะเกิดจากฝ่ายใดก็ตาม ทำให้ผู้เอาประกันสามารถขับขี่รถยนต์ได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์หากเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ประกันชั้น 1 ยังครอบคลุมความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ลมพายุ หรือแผ่นดินไหว อีกด้วย
ส่วนประกันชั้น 1 พิเศษ มีความ พิเศษ ในรื่องของการยกเว้นค่าเสียหายส่วนแรก หรือที่หลายท่านรู้จักกันในชื่อ ค่า Deduct ไม่ว่าท่านจะเป็นฝ่ายชนหรือฝ่ายถูกชนก็ตาม และในส่วนอื่นๆความคุ้มครองก็จะครอบคลุมในทุกมิติทั้งหมดเฉกเช่นเดียวกับประกันชั้น 1 ทุกประการ
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง
- คุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นรถชนรถ รถชนต้นไม้ รถชนเสาไฟ หรืออื่น ๆ
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากการเกิดอุบัติเหตุของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และให้การชดเชยในกรณีเสียชีวิต หรือสูญเสียอวัยวะ
- คุ้มครองทรัพย์สิน ชีวิต และดูแลค่ารักษาพยาบาลของคู่กรณี
- คุ้มครองในกรณีรถยนต์สูญหาย หรือได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้ และภัยธรรมชาติ
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 และ 1 พิเศษ เหมาะกับใคร
- รถใหม่ป้ายแดงที่เพิ่งออกมาที่ต้องการการคุ้มครองดูแลที่ครอบคลุม เพราะประกันภัยชั้น 1 มีความคุ้มครองสูงสุด และคุ้มครองในรถที่มีอายุไม่เกิน 7 ปี
- ผู้ที่ยังขาดความชำนาญในการขับรถ เพราะผู้ขับขี่มือใหม่มีโอกาสที่จะเฉี่ยวชน ได้ง่ายกว่าผู้ที่มีความชำนาญในการขับขี่
- ผู้ที่ใช้รถเป็นประจำทุกวัน เพราะยิ่งใช้รถมากโอกาสเกิดอุบัติเหตุก็มากตามไปด้วย
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 และ 2+
มาต่อกันที่ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 โดยประกันชั้น 2 หากเปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์กับชั้น 1 แล้วเป็นประกันที่ให้ระดับความคุ้มครองที่ใกล้เคียงกับประกันชั้น 1 โดยไม่คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกัน (รถของเรา) แต่ยังคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก(รถคู่กรณี) รวมถึงการสูญหายหรือไฟไหม้
ส่วนประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผูัที่ต้องการทำประกันชั้น 1 แต่มีงบประมาณจำกัด เพราะประกันชั้น 2+ อยู่ระหว่างชั้น 1 และ 2 เพราะคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกัน แต่จะมีเงื่อนไขเฉพาะกรณีชนกับยานพาหนะทางบก (รถชนรถ) และยังคุ้มครองบุคคลภายนอกเช่นเดียวกับชั้น 2 แต่ไฮไลต์ที่สำคัญเลยคือ ค่าใช้จ่ายในส่วนของเบี้ยประกันชั้น 2 จะประหยัดลงมาจากชั้น 1 อยู่พอสมควร
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองอะไรบ้าง
- คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ โดยต้องเป็นการชนแบบมีคู่กรณีเท่านั้น
- คุ้มครองในกรณีรถยนต์สูญหาย หรือได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้ และภัยธรรมชาติ
- คุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ชดเชยกรณีสูญเสียอวัยวะ หรือเสียชีวิต
- บริการช่วยเหลือตอนเกิดอุบัติเหตุ ทั้งยกรถ ย้ายรถ ตลอด 24 ชั่วโมง
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง
- คุ้มครองในกรณีรถยนต์สูญหาย หรือได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้ และภัยธรรมชาติ
- คุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ชดเชยกรณีสูญเสียอวัยวะ หรือเสียชีวิต
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 เหมาะกับใคร
- ผู้ที่ไม่ค่อยได้ใช้รถบ่อย เพราะประกันชั้น 2 และ 2+ มีราคาที่ต่ำกว่าประกันชั้น1 อยู่พอสมควร
- ผู้ที่คำนึงถึงความปลอดภัยในกรณีที่อาศัยอยู่ในบริเวณไม่ได้มีการรักษาความปลอดภัยมากนักและมีความเสี่ยงที่จะเกิดการโจรกรรมรถยนต์ หากต้องจอดในที่ๆ
- รถยนต์มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี
- ส่วนผู้ที่ต้องการความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันชั้น 1 แต่ค่าเบี้ยประกันสบายกระเป๋ามากกว่าขอแนะนำให้ทำเป็นประกันชั้น 2+
ประกันรถยนต์ชั้น 3 และ 3+
หากตั้งคำถามว่าประกันรถยนต์มีกี่ประเภท หรือประกันชั้น 1 2 3 ต่างกันอย่างไร ประกันรถยนต์ชั้น 3 และ 3+ อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองขั้นพื้นฐานในราคาที่จับต้องได้ ประกันประเภทนี้มักเป็นที่นิยมสำหรับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานมากหรือรถที่ไม่ค่อยได้มีการใช้งานบ่อยครั้งมากนัก
ประกันชั้น 3 ให้ความคุ้มครองเฉพาะความรับผิดต่อบุคคลภายนอกเท่านั้น (คุ้มครองคู่กรณี) โดยครอบคลุมตั้งแต่ความเสียหายต่อชีวิต การบาดเจ็บ และทรัพย์สินของบุคคลอื่นที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุที่เกิดจากรถที่เอาประกัน แต่ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกันเอง
ส่วนประกันชั้น 3+ เป็นการเพิ่มความคุ้มครองจากชั้น 3 โดยคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกันในกรณีที่ชนกับยานพาหนะทางบกที่สามารถระบุคู่กรณีได้ ทำให้มีความคุ้มครองมากกว่าชั้น 3 ธรรมดา แต่ยังคงมีราคาที่ไม่สูงมากนัก
แต่จุดสำคัญที่ผู้ที่กำลังตัดสินใจจะซื้อทั้งประกันชั้น 3 และ 3+ ควรรู้คือ ประกันทั้งสองประเภทนี้ไม่คุ้มครองกรณี รถหายหรือไฟไหม้ และไม่คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถจากอุบัติเหตุที่เกิดจากการกระทำของผู้เอาประกันเอง เช่น การชนเสาไฟฟ้าหรือต้นไม้
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าประกันชั้น 3 และ 3+ เหมาะสำหรับผู้ที่ขับขี่อย่างชำนาญแล้วและต้องการเพียงความคุ้มครองขั้นพื้นฐานตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น โดยยอมรับความเสี่ยงในความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับรถของตนเองหากเกิดอุบัติเหตุ
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ คุ้มครองอะไรบ้าง
- คุ้มครองค่าเสียหายต่อตัวรถยนต์ของผู้เอาประกัน ในกรณีรถชนรถเท่านั้น
- คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ของคู่กรณี ทรัพย์สิน และค่ารักษาพยาบาลของคู่กรณี
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของผู้เอาประกันและผู้โดยสาร
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 คุ้มครองอะไรบ้าง
- คุ้มครองคน ทั้งฝั่งผู้เอาประกันและฝั่งคู่กรณี
- คุ้มครองรถ ทรัพย์สิน ในส่วนเฉพาะของคู่กรณี (บุคคลภายนอก) เท่านั้น ไม่คุ้มครองรถเรา
2.1 ให้ความคุ้มครองทรัพย์สินของผู้ที่ได้รับความเสียหาย หรือบุคคลภายนอก
2.2 ไม่คุ้มครอง ค่าเสียหายรถยนต์(ทรัพย์สินของผู้เอาประกันทุกกรณี) เว้นแต่จะทำประกันชั้น 3+ และชนแบบมีคู่กรณีแบบนี้จะคุ้มครองรถของผู้เอาประกันด้วย
2.2.1 กรณีเราเป็นฝ่ายถูก ก็คือรถของเราโดนรถคนอื่นมาชน ผู้เอาประกันชั้น 3 จะต้องโทรแจ้งทางเจ้าหน้าที่ของประกันภัยทันที เพราะเงื่อนไขของประกันชั้น 3 ผู้เอาประกันต้องมีการแจ้งเคลมในสถานที่เกิดเหตุและต่อหน้าคู่กรณีเท่านั้น
2.2.2 กรณีเราเป็นฝ่ายผิด คือเราไปชนรถคนอื่น ประกันจะจ่ายค่าเสียหายให้เฉพาะของคู่กรณีเท่านั้น ส่วนรถเรา เราจะต้องจ่ายค่าซ่อมด้วยตัวเอง
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 และ 3+ เหมาะกับใคร
เจ้าของรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานมาก มูลค่าตัวรถไม่สูงนัก ดังนั้นการทำประกันชั้นสูงอาจไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับมูลค่ารถ
ผู้ที่มีงบประมาณจำกัด ในบางครั้งหากผู้เอาประกันมีงบประมาณที่จำกัดและรถมีอายุการใช้งานที่มากแล้วการทำประกันชั้น 3 หรือ 3+ ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด
ผู้ขับขี่มีความชำนาญในการขับรถ รวมถึงผู้ที่มีประสบการณ์การขับขี่สูง มีความระมัดระวัง และมั่นใจว่าโอกาสเกิดอุบัติเหตุต่ำ
ผู้ที่ใช้รถน้อย สำหรับคนที่ไม่ได้ใช้รถเป็นประจำ หรือใช้รถในระยะทางสั้นๆ ทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุน้อยลงตามไปด้วย
ผู้ที่มีความสามารถในการรับความเสี่ยง สำหรับผู้ที่พร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถของตนเองหากเกิดอุบัติเหตุบางครั้งการทำประกันเพียงแค่ชั้น 3 ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
ผู้ที่มีรถในความครอบครองมากกว่า 1 คัน สำหรับผู้ที่มีรถมากกว่าหนึ่งคัน และต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำประกันสำหรับรถที่ใช้งานรอง
ผู้ที่ใช้รถในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พื้นที่ชนบทที่มีการจราจรไม่หนาแน่น
ผู้ที่มีประกันภัยอื่นๆ ที่ครอบคลุมอยู่แล้ว เช่น ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลที่ให้ความคุ้มครองสูง
การเลือกซื้อ และเปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเจ้าของรถทุกคน โดยควรพิจารณาปัจจัยหลายประการประกอบกันว่าประกันชั้น 1 2 3 ต่างกันอย่างไร โดยเริ่มจากการประเมินความต้องการและความเสี่ยงของตนเอง ซึ่งรวมถึงมูลค่าของรถ ลักษณะการใช้งาน และสภาพแวดล้อมที่ขับขี่เป็นประจำ
ขั้นตอนแรก ควรพิจารณางบประมาณที่สามารถจ่ายได้สำหรับเบี้ยประกัน โดยคำนึงถึงว่าประกันชั้น 1 2 3 ต่างกันอย่างไร และประกันภัยรถยนต์แบบไหน ที่มีความคุ้มครองสูงกว่า ย่อมมีค่าเบี้ยประกันที่สูงขึ้นตามไปด้วย จากนั้นควรศึกษาประเภทของประกันแต่ละชั้น ตั้งแต่ชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด ไปจนถึงชั้น 3 ที่ให้ความคุ้มครองขั้นพื้นฐาน
สำหรับรถใหม่หรือรถที่มีมูลค่าสูง ประกันชั้น 1 หรือ 1+ มักเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งตัวรถและอุบัติเหตุทุกกรณี ในขณะที่รถที่มีอายุการใช้งานมากขึ้น อาจพิจารณาประกันชั้น 2 หรือ 2+ ซึ่งยังให้ความคุ้มครองที่ดีในราคาที่ถูกลง สำหรับรถเก่าหรือผู้ที่มีงบประมาณจำกัด ประกันชั้น 3 หรือ 3+ อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
นอกจากนี้ ควรพิจารณาเงื่อนไขและข้อยกเว้นของกรมธรรม์อย่างละเอียด รวมถึงวงเงินความคุ้มครองในแต่ละกรณี เช่น ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก หรือค่ารักษาพยาบาลของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ควรเปรียบเทียบข้อเสนอจากบริษัทประกันหลายแห่ง โดยดูทั้งราคา ความคุ้มครอง และบริการเสริมต่างๆ เช่น บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง หรือการให้รถใช้ระหว่างซ่อม
สุดท้าย ควรพิจารณาชื่อเสียงและความมั่นคงของบริษัทประกัน รวมถึงประสบการณ์การให้บริการและความรวดเร็วในการจัดการสินไหมทดแทน การอ่านรีวิวและความคิดเห็นจากผู้ใช้จริงอาจช่วยให้ตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น
การเปรียบเทียบประกันรถยนต์ และเลือกประกันที่เหมาะสมจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการ ในราคาที่สมเหตุสมผล และสามารถขับขี่ได้อย่างอุ่นใจในทุกสถานการณ์
ความคุ้มครองประกันชั้น 1 2 3 ต่างกันอย่างไร
ประกันภัยรถยนต์มีหลายระดับความคุ้มครอง แต่ละประเภทมีข้อแตกต่างที่สำคัญ ประกันชั้น 1 ให้ความคุ้มครองสูงสุด ครอบคลุมทั้งความเสียหายต่อตัวรถและบุคคลที่สาม รวมถึงภัยธรรมชาติและการโจรกรรม ส่วนชั้น 1 พิเศษมีความคุ้มครองใกล้เคียงกับชั้น 1 แต่อาจมีเงื่อนไขพิเศษเพิ่มเติม
ประกันชั้น 2 และ 2+ ให้ความคุ้มครองรองลงมา โดยชั้น 2 คุ้มครองการสูญหายและไฟไหม้ แต่ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถจากอุบัติเหตุ ในขณะที่ชั้น 2+ เพิ่มความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถจากการชนคู่กรณีที่เป็นยานพาหนะทางบก
ส่วนประกันชั้น 3 ให้ความคุ้มครองต่ำสุด คุ้มครองเฉพาะความรับผิดต่อบุคคลที่สาม ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกัน ขณะที่ชั้น 3+ เพิ่มความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถจากการชนคู่กรณีที่เป็นยานพาหนะทางบก เช่นเดียวกับชั้น 2+
การเลือกประกันภัยรถยนต์ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละบุคคล ผู้ขับขี่ควรพิจารณาความเสี่ยงและมูลค่าของรถยนต์ประกอบการตัดสินใจ เพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเองประกันภัยรถยนต์จากโลตัส มันนี่ พลัส คุ้มครองความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวรถ รวมคุ้มครองทรัพย์สินบุคคลภายนอก และคุ้มครองบุคคลภายนอก แบ่งเป็น ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ / 2 และประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ /3
สำหรับประกันรถยนต์ ชั้น 1 จากโลตัส มันนี่ พลัส ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมและสูงที่สุดเมื่อเทียบกับประกันประเภทอื่น ๆ โดยมีความคุ้มครองหลักครบทั้ง 3 หมวดความคุ้มครอง
ประกันชั้น 1 จากโลตัส มันนี่ พลัส มาพร้อมโปรโมชั่นพิเศษสามารถแบ่งจ่ายเงินสดได้สูงสุดถึง 10 เดือน ดอกเบี้ย 0%*
สำหรับคนที่ใช้รถบ่อย และต้องการความสบายกระเป๋า เราขอแนะนำประกันรถยนต์ชั้น 2+/2 ที่ให้ความคุ้มครองระดับพรีเมี่ยมใกล้เคียงประกันภัยรถชั้น 1 ต่างตรงที่ความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถที่ทำประกันภัยจะคุ้มครองเฉพาะอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี สำหรับประกันภัยชั้น 2+/2 จาก Lotus Money Plus มาพร้อมโปรโมชั่นพิเศษสามารถแบ่งจ่ายเงินสดได้สูงสุดถึง 6 เดือน ดอกเบี้ย 0%*
และสำหรับใครที่มีความชำนาญในการขับขี่รถยนต์หรือรถมีอายุการใช้งานที่มากแล้ว และขับขี่อยู่ในพื้นที่ที่ไม่ได้มีการจราจรหนาแน่น อาจพิจารณาทำประกัน ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+/3 ซึ่งเป็นประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองน้อยกว่าการประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 และ 2 แต่ยังคุ้มครองครอบคลุมในส่วนของชีวิตและการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทั้งในส่วนของผู้เอาประกันและคู่กรณี เพราะบางครั้งผู้ซื้อประกันอาจจะมองว่ารถมีอายุการใช้งานมากแล้วการจ่ายเบี้ยประกันสูงอาจจะไม่คุ้ม แต่อย่างน้อยให้มีประกันที่คุ้มครองชีวิตและการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุไว้ก็อุ่นใจกว่า
สำหรับประกันภัยชั้น 3+/3 จากโลตัส มันนี่ พลัสมาพร้อมโปรโมชั่นพิเศษสามารถแบ่งจ่ายเงินสดได้สูงสุดถึง 6 เดือน ดอกเบี้ย 0%*
สำหรับประกันภัยทั้ง 3 ประเภทหลักผู้สนใจสามารถติดต่อซื้อประกันได้ที่ เคาเตอร์โลตัส มันนี่ พลัส หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมรวมไปถึงโปรโมชั่นได้ ที่นี่ เลย
ประกันภัยเปรียบเสมือนเบาะรองที่ช่วยแบ่งเบาผลกระทบจากสิ่งที่ไม่คาดคิดหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้มีการคาดหมายล่วงหน้า โดยเฉพาะการขับขี่ยานพาหนะที่เมื่อมือจับพวงมาลัยเท้าเหยียบคันเร่งออกสู่ถนนความเสี่ยงย่อมเกิดขึ้นได้ ดังนั้นการมีกรมธรรม์ประกันภัยรถจึงเป็นเรื่องที่ถ้ามีไว้ก็อุ่นใจมากกว่าการที่ขับขี่รถยนต์โดยที่ไม่มีประกัน
*โปรโมชั่นดังกล่าวตั้งแต่ 1 ธ.ค.66 - 31 ธ.ค. 67 และสำหรับค่าเบี้ยประกันภัยที่มีมูลค่าตั้งแต่ 5,000 - 100,000 บาท เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด ให้บริการนายหน้าประกันภัย โดย บริษัท โลตัสส์ เจเนอรัล อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด ผู้ซื้อควรศึกษาและทำความเข้าใจเงื่อนไขความคุ้มครองและข้อยกเว้นตามกรมธรรม์ประกันภัย